สิงคโปร์ ดินแดนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศมาเลเซีย ประเทศที่อยู่บนเนื้อที่ประมาณราวๆ 662 ตารางกิโลเมตร หรือถ้าเทียบก็เล็กกว่ากรุงเทพมหานครของเราถึง 2.5 เท่า ภูมิประเทศถูกห้อมล้อมไปด้วย มวลน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเราเรียกกันว่า ทะเล มาถึงตรงนี้เพื่อนๆหลายคนคงจะสงสัยว่าแล้วพื้นที่เล็กๆแบบนี้มันมีอะไรดึงดูดที่น่าสนใจกันหรือ
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา อัตราการเติมโตของเศรษฐกิจนั้นอันดับต้นๆของเอเชียเลยที่เดียวครับ และที่น่าสนใจคือ การคมนาคมของสิงคโปร์นั้นจะใช้การเดินทางโดยรถไฟเป็นส่วนใหญ่ และการเดินทางโดยรถไฟนี่แหละครับที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในต่างแดนของเรา
รถไฟในสิงค์โปร์มีเพียงสายเดียวนั่นก็คือ sMRT โดยเส้นทางจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ทำให้เรานั้นสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ทั่วทั่งเกาะโดยใช้บริการของ sMRT เพียงอย่างเดียว บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวหลงกันเลยครับ เหมาะสำหรับการศึกษาการเดินทางในต่างประเทศมากๆ เลยครับ
อ่านมาสักพัก เพื่อนๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นสิงคโปร์หล่ะ มีดีแค่การเดินทางด้วยรถไฟมันจะดีขนาดนั้นเลยหรือ จริงๆ ยังมีข้อดีอย่างอื่นมาลองพิจารณาดูครับ
- การเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ค่าตั๋วเครื่องบินไม่แพง และมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ
- ค่าใช้จ่ายในการจับจ่ายใช้สอยถือว่าไม่แพงมากนัก ข้าวหนึ่งจาน ราวๆ 3 GSD หรือ ราวๆ 70 บาทไทย
- สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสามารถเดินทางได้โดยใช้เวลาเพียงช่วงเวลาสั้นๆ
- การคมนาคมสะดวกสบาย เดินทางง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเดินทางในต่างประเทศ
- ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก พูดได้นิดหน่อยก็ไปได้แล้วครับ
- อาหารการกินมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเนื่องด้วยมีหลายเชื้อชาติ
- เพื่อนๆ ชาวไทยเยอะมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะเคว้งคว้างเลยครับ
เห็นไหมครับข้อดีมากมายขนาดนี้ จะไม่เหมาะสำหรับเป็น ดินแดนแห่งการเริ่มต้นผจญภัยในต่างแดน ได้อย่างไรกัน เมื่อเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วก็ไปกันต่อเลย
เริ่มต้นสำหรับการเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์
คงหนีไม่พ้นจากจองตั๋วเครื่องบิน ในครั้งนี้ผมได้เลือกใบบริการของหางแดงครับ ได้โปรไปกลับในราคาที่ไม่แพงมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็จองกันข้ามปีเลยทีเดียว แนะนำว่าถ้าเพื่อนๆ อยากได้ราคาที่ถูกลง แนะนำว่าให้จองแบบเที่ยวเดียวครับ ขาไปเที่ยวหนึ่ง และขากลับอีกเที่ยวหนึ่งครับหรือสามารถจองผ่าน https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Singapore.SIN/1 ของ Traveloka ได้เลยครับ
หลังจากได้ตั๋วที่จะพาเราไปแล้วก็รอครับ รอกันแบบลืมกันไปข้างหนึ่งเลย แต่ก่อนอื่นอย่าลืมไปทำพาสปอร์ตกันก่อนนะครับ ประเทศสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าครับ สบายใจหายห่วง และยังสามารถอยู่ได้นานถึง 30 วันกันเลยทีเดียวครับ
หลังจากได้ตั๋วสำหรับเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็มานั่งเลือกสถานที่ ที่เพื่อนๆต้องการไปเที่ยวกันครับ ในที่นี้ผมไปเที่ยว 4 วัน 3 คืน ได้เลือกสถานที่หลักๆที่จะเดินทางไป และทำแผนท่องเที่ยวเตรียมไว้ เพื่อที่หลังจากเราไปยังประเทศสิงคโปร์แล้วจะได้ไม่พลาดอะไรที่เป็นไฮไลต์สำคัญครับ อาทิเช่น มาริน่าเบย์ เกาะซานโตซ่า ทรีออฟการ์เด้น เป็นต้น และอย่าลืมหาช่วงเวลาที่เหมาะสมแลกเงินเป็นสกุลดอลล่าร์สิงคโปร์เตรียมไว้ด้วยนะครับ โดยผมเองได้เลือกแลกกับ Super RICH ครับ ส่วนตัวคิดว่าอัตราการแลกเปลี่ยนค่อนข้างคุ้มค่าครับ
ในที่สุดหลังจากรอ รออย่างใจจดใจจ่อก็ถึงเวลาออกเดินทางกันแล้วครับ ผมออกเดินทางออกจากประเทศไทยประมาณ 11 โมงครับ โดยระยะเวลาในการเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ราวๆ 2 ชั่วโมงครับโดยต้องบวกเวลาเพิ่มไป 1 ชั่วโมงเนื่องจากว่าประเทศสิงคโปร์เวลาเร็วกว่าไทยครับ และในระหว่างที่อยู่บนเครื่องทางสายการบินจะมีเอกสารสำหรับกรอกเพื่อใช้ในการเข้าประเทศสิงคโปร์ด้วยครับ
รูปภาพจาก http://www.teawmun.com/การเดินทางไปสิงคโปร์/
หลังจากนั่งมองหมู่มวลเมฆที่เคลื่อนตัวผ่านไปลูกแล้วลูกเล่า ในที่สุดก็มองเห็น สนามบินชางงิ (Changi Airport) สนามบินเพียงหนึ่งเดียวที่ตั้งอยู่บนดินแดนผจญภัยของเรา โดยสนามบินนี้เคยได้รับรางวัลท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกด้วยนะครับ
###### DAY 1 ######
มาถึงการผจญภัยแรกของเรากันดีกว่านั่นก็คือด่าน ตม. หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หลังจากที่เพื่อนๆ รับกระเป๋าที่ทำการโหลดใต้เครื่องเรียบร้อยแล้ว เดินมาตามทาง จะบังคับให้เราลงบันไดเลื่อนและพบกับด่านแรกของเราครับ ซึ่งมาถึงตรงนี้ผมอาจจะพูดให้ดูน่าตื่นเต้น แต่จริงๆไม่มีอะไรเลยครับ ทำตามคนอื่นๆที่เข้าไปได้เลย ยื่นเอกสาร มองกล้องถ่ายภาพ สแกนนิ้วมือ ไม่เกิน 5 นาทีก็เรียบร้อยแล้วครับ เข้าประเทศสิงคโปร์ได้อย่างเต็มตัว
หากคิดอะไรไม่ออกเรื่องกิน แนะนำให้เข้าห้างครับ ศูนย์อาหาร มีอาหารหลายประเภทมากมาย
สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้สำหรับผมหลังจากเข้าประเทศสิงคโปร์ได้แล้วก็คือ Internet ซึ่งหลังจากที่ทำการหาข้อมูลพบว่า หลังจากที่เดินตามทางเดินไปเรื่อยๆจะพบกับร้านที่ทำการขายซิมท่องเที่ยว ป้ายจะค่อนข้างชัดเจนมาก มีทุก Terminal ของสนามบิน ซึ่งเพื่อนๆสามารถเลือกที่เหมาะกับการท่องเที่ยวของเราเองได้ ตัวผมเองได้เลือกของ SingTel แบบ 15 GSD ใช้ได้ 5 วัน ใช้ Internet ได้ 100 GB มาถึงตรงนี้บอกเลยว่าใช้ยังไงก็เหลือเฟือครับ หลังจากทำการจ่ายเงิน พนักงานก็ทำการเปิดการใช้งานซิมให้เราเรียบร้อย พร้อมแล้วสำหรับการเดินทางพร้อมผู้ช่วยในยามฉุกเฉิน google map และเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ซักที และ สิ่งต่อมาที่จะขาดไม่ได้เช่นกันคือตั๋วรถไฟ sMRT ในที่นี้ผมแนะนำว่าให้ซื้อแบบเป็นบัตร Ez Link โดยโดยเพื่อนๆสามารถหาซื้อได้ที่ ทุกสถานีที่ Passenger Service ราคาจะอยู่ที่ 12 GSD แบ่งออกเป็นค่าบัตร 5 GSD และเงินที่สามารถใช้ได้ 7 GSD ซึ่งผมเองได้มีบัตรแล้วจึงทำการเติมเงินเพิ่มไปอีกบัตรละ 10 GSD โดยเงินที่เติมในบัตรนั้นไม่สามารถแลกคืนได้
รูปภาพจาก https://www.flickr.com/photos/gunman47/8412019419
เมื่อเตรียมพร้อมทั้งสองอย่างแล้วก็ได้เวลาที่จะเดินทางออกจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองกันสักทีครับ โดยสถานีที่จะพาเราเดินทางออกจากสนามบินอยู่ที่ Terminal 2 ครับ
หลังจากขึ้นรถไฟออกมาจาก Terminal 2 มายังสถานี Tanah Merah อย่าลืมลงจากรถไฟนะครับ เพราะสถานีนี้จะเป็นสถานีแยกพาเราเข้าตัวเมือง ถ้านั่งต่อก็วนกลับไปยัง Terminal 2 อีกครั้งครับ วนไปวนมานี่สนุกกันเลย สำหรับคนที่จะเข้าเมืองก็สังเกตที่ป้าย Go to Joo Koon ครับ สำหรับใครที่เริ่มดูแผนที่ก็สังเกตจากสายของรถไฟจะแบ่งออกเป็นสีต่างกัน เส้นไหนที่มีเส้นตัดกันจะเป็นสถานีแยกไปยังอีกลายได้ครับ ลองสังเกตดูครับไม่ยากเลย
นั่งรถไฟมาสักพัก ก็มายังสถานี Aljunied ซึ่งผมเลือกพักย่านนี้ครับ เนื่องจากย่านนี้ที่พักค่อนข้างราคาไม่แพงมากนัก โรงแรมมีให้เลือกเยอะมากๆ แต่อาจจะติดตรงปัญหาใกล้ย่านท่องเที่ยวกลางคืนของคนสิงคโปรร์หน่อยครับ ถ้าใครเป็นผู้หญิงมาคนเดียวผมแนะนำพักย่านอื่นจะดูปลอดภัยกว่าครับ ส่วนตัวผมไปสองคนก็เลยไม่ค่อยกังวลกันเท่าไหร่ เราใช้หน้าตาเป็นอาวุธได้ครับ อิอิ
เรื่องที่พักผมเลือกพักที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/singapore/hotel-81-premier-star-51377 สามารถจองตั้งแต่ก่อนออกเดินทางหรือรอโปรโมชั่นดีๆ จาก traveloka.com แล้วลุยโลดครับ
เดินทางมาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล่าภารกิจวันแรกยังไม่จบ เช็คอินกับทางโรมแรมเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไปยังที่เที่ยวแรกของเราเลยครับนั่นคือย่าน China Town ซึ่งจุดประสงค์ของเราคือ ซื้อตั๋ว USS Singapore เที่ยวชมวัดเขี้ยวแก้ว และกินข้าวที่ Maxwell ถือว่าเป็นอันจบภารกิจทริปของวันแรก หลังจากนั่งรถไฟพร้อมชมทัศนิยภาพที่แปลกตาไปเรื่อยๆ สักพักก็มาถึงยังสถานี China Town ออกช่องทางออก D เราก็ตรงดิ่งไปยังห้าง People’s Park Centre
สำหรับร้านที่เราจะทำการซื้อตั๋ว USS นั้น ชื่อว่า Sea wheel ขึ้นห้างไปเลยครับ ร้านป้ายสีเขียวๆ สำหรับใครที่พูดภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ไม่ต้องกังวลนะครับพนักงานบางคนพูดไทยได้ครับ สื่อสารกันแบบไม่ต้องเขินเลยครับ
ส่วนเรื่องแพ็คเกจการท่องเที่ยว เพื่อนๆสามารถเลือกได้ตามต้องการเลยครับ หลังจากทำการซื้อตั๋วสำหรับวันพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ วัดเขี้ยวแก้ว ซึ่งอยู่ในย่าน China Town นี้เองครับ ออกเดินมาได้สักพักไม่ไกลจากห้างมากนักผ่าน China Town Night Market ก็ถึงที่หมายครับ วัดเขี้ยวแก้ว สถาปัติยกรรมอันวิจิตรสวยงาม ไปชมภาพกันเลยครับ
เยี่ยมชมความสวยงามพร้อมกับถ่ายภาพกันพักใหญ่ๆ ท้องก็เริ่มมีเสียงร้องเป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาไปหาของอร่อยๆใส่ท้องกันแล้ว ผมไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยัง Max Well Food Centre ทันที สำหรับการเดินทางก็ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามวัดพระเขี้ยวแก้ว แล้วเดินไปตามทางขวามือครับ เดินไปเรื่อยๆจะพบป้าย Maxwell Rd เป้าหมายของเราก็อยู่ใกล้ๆนั้นแหละครับ อย่าลืมลองชิมของขึ้นชื่อของที่นี่กันด้วยนะครับ แนะนำ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ท้องอิ่มแล้วพร้อมฟ้าที่เริ่มมืดลง ภารกิจวันแรกก็ครบถ้วนสมบูรณ์เรียบร้อย ขากลับผ่าน China Town Night Market ก็อย่าลืมแวะจับจ่ายของฝากกันนะครับ ราคาเบาๆสบายกระเป๋ามากๆครับ ถึงที่พักก็ทิ้งตัวหลับเอาแรงพร้อมลุย USS ในวันพรุ่งนี้กันครับ
###### DAY 2 ######
แสงสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังกังวาน เป็นสัญญาณบอกเราว่าการผจญภัยวันที่สองของเราจะได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยแผนของเราในวันนี้เราจะตะลุยเกาะซานโตซ่าครับ ซึ่งประกอบไปด้วย Universal Singapore The Melion และชม Wing of Time (ชื่อเก่า Song of the Sea) เราออกเดินทางจากที่พักมุ่งหน้าไปยังสถานี Harbor Bay Front ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของเรามุ่งสู่เกาะซานโตซ่า โดยสถานีนี้จะเชื่อมต่อกับห้าง Vivo City ซึ่งจะเป็นที่เริ่มมื้อแรกของวันกันด้วยครับ
การเดินทางไปยังเกาะซานโตซ่าสามารถเดินทางไปได้หลายทางครับ อาทิเช่น Sentosa Express(รถไฟฟ้า) Sentosa Boardway(เดิน) หรือ Singapore Cable Car(กระเช้า) เพื่อนๆสามารถเลือกได้ตามความต้องการเลยครับ ส่วนตัวผมเลือกเดินครับ จะได้ชมบรรยากาศรอบข้างไปด้วย ไม่ได้มาบ่อยๆ นี่เนอะ
ออกมาจากห้าง Vivo City ก็พบวิวของเกาะซานโตซ่าในระยะไกล มองจากด่านตรงข้ามยังสวยขนาดนี้ บนเกาะจะสวยขนาดไหน ไม่รอช้าครับ เดินไปตามทางเดิน ระยะทางราวๆ 700 เมตร ได้ครับ เดินเพลินๆ ไม่นานก็ถึงครับ
ทางเดินของ Sentosa Boardway จะเชื่อมถึงทางเข้าเกาะซานโตซ่า ซึ่งเพื่อนๆสามารถเดินเข้าไปได้เลยครับ มุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายแรกในวันนี้ของเรา USS ตื่นเต้นมากครับ เครื่องเล่นเยอะมาก เดินแบบเร็วๆเลยครับ ในช่วงทางเดิน เพื่อนๆก็สามารถถ่ายรูปได้ตลอดทางเลยครับ
และแล้วในที่สุดก็ถึงแล้วววววววววววววววววว อยากจะร้องดีใจดังๆ
ลูกโลกที่ใครหลายๆ คนอยากจะมากันนักกันหนา มันมีอะไรดีกันนะในที่แห่งนี้ วันนี้แหละจะได้รู้กัน ไม่รอช้าหยิบตั๋วให้พนักงานแล้วลุยโลดดดดด เครื่องเล่นที่เป็นเป้าหมายของผมคือ
- Sci Fi City : Transformer
- Ancient Egypt : Mummy
- Far Far Away : Shek
- Madagascar
Sci Fi City : Transformer the ride
สำหรับเครื่องเล่นนี้ เพื่อนๆจะต้องขึ้นไปบนยานเคลื่อนที่ ซึ่งจะพาเพื่อนๆไปพบเหตุการณ์ต่างๆ โดยเราจะรับบทเป็นฝั่งออฟติมัส หลบหนีการไล่ล่าอันป่าเถื่อนของฝ่ายดิเซฟติคอน โดยเพื่อนๆจะต้องส่วมแวนสามมิติเพื่อความสมจริง แต่บอกเลยครับ สมจริงเกินกว่าที่เพื่อนๆจิตนาการแน่นอน โดยส่วนตัวผมมองว่าทำได้ดี และ น่าตื่นเต้นมากๆ เอาไปเลยครับ สำหรับคะแนน 10/10 แนะนำว่าต้องไป ห้ามพลาดๆ โดยในโซนนี้จะมีเครื่องเล่นอีกหลายชนิดนะครับ ที่แนะนำสำหรับคนชอบความสูงก็จะเป็นเจ้า รถไฟเหาะตีลังกาสูงที่สุดในโลก Battlestar Galactica ครับ
ปล. Transformer แนะนำว่าให้มาเล่นในช่วงบ่ายครับ คนจะน้อยไม่ต้องต่อแถวนาน ไปเล่นในโซนอื่นก่อนครับ
Ancient Egypt : Mummy
สำหรับเครื่องเล่นนี้ จะพาเพื่อนเที่ยวชมเหล่าผีดิบ เต็มที่ก็แค่ขวัญหนีดีฟ่อ ในตอนแรกผมคิดไว้แบบนี้ครับ ซึ่งส่วนตัวผมเป็นคนที่ค่อนข้างกลัวผีอยู่แล้ว แต่พอถึงเวลาเล่นเครื่องเล่นนี้บอกได้คำเดียวเลยครับ “คุณหลอกดาว” เหตุการณ์ที่พบเจอขอไม่รีวิวครับ แต่สำหรับคนที่ไปแนะนำว่าไม่ควรพลาดเช่นกัน โดยเพื่อนๆก็จะนั่งไปยังรถเลื่อนเคลื่อนที่ไปตามรางครับ คะแนนสำหรับเครื่องเล่นนี้ เอาไปเลยครับ 8/10
Far Far Away: Shek
เครื่องเล่นที่เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นดี เพลิดเพลินไปกับการรับบทผจญภัยไปกับเจ้ายักษ์ตัวเขียวของเราในการช่วยเหลือแฟนสาวจากเจ้าวายร้าย เป็น 4D ครับสำหรับเพื่อนที่ชอบความสมจริงแนะนำเลยครับ ตื่นเต้น สนุกสนาน ไปกับเจ้ายักษ์ตัวเขียวของเรา และที่ชอบมากๆคือ เหมือนนั่งอยู่ในโรงหนังครับ เสียงหัวเราะคลุงไปทั้งห้องเลยครับ คะแนนสำหรับเครื่องเล่นนี้ 8/10 ครับ สำหรับเครื่องเล่นในโซนนี้จะเป็นเทพนิยายทั้งหมดครับ บางเครื่องเล่นช่วงบ่ายๆก็ปิดเครื่องแล้วเช่นในภาพ เศร้าเลยครับ
Madagascar
เครื่องเล่นที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์แห่งความหรรษา เครื่องเล่นนี้เพื่อนๆจะได้นั่งไปบนแพลอยน้ำไปยังป่ามาดากัสก้าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่สนุกสนานครับ เพื่อนๆจะได้ชมแนะเรื่องไปตามทาง พร้อมกับชมความน่ารักของเหล่าตัวละครไปพร้อมๆกันครับ โดยในส่วนตัวผมว่าสนุกดีครับ เพลินๆ เบาสมอง นั่งหัวเราะไปตลอดทางเลยครับ อาจจะมีเสียวบ้างเล็กน้อยแต่ก็แค่เบาๆครับ สำหรับเครื่องเล่นนี้ก็ 8/10 ครับ หลังจากออกมาก็อาจจะได้เจอกับการแสดงด้วยนะครับ
สำหรับเครื่องเล่นในโซนอื่นๆ ผมขอแนะนำเป็นแบบพอสังเขปนะครับ สำหรับโซนอื่นนอกเหนือจากนี้ เพื่อนๆลองไปชมกันนะครับ คุ้มค่าบัตรแน่นอน ผมยืนยัน
Jurassic world สำหรับโซนนี้มีล่องแก่ง นกหมุนและขึ้นกระเช้าครับ
New York โซนนี้ย่อเมืองมาให้เราชมครับ มีการแสดง Break Dance และเต้นครับ
พักจนหายเหนื่อยจากการเล่นเครื่องเล่นก็ไปต่อกันยัง The Merlion สัญลักษณ์ประจำประเทศสิงคโปร์กันเลยครับ โดยเดินผ่าน Lake of Dreams ไปเรื่อยๆ ครับ
สังเกตดีๆเราจะเห็น The Merion แต่ไกลเลยครับ เดินกันอีกนิดก็จะได้เต็มตากับเจ้าสิงโตน้ำตัวสูงใหญ่
ในยามค่ำคืนเจ้าสิงโตน้ำตัวนี้เปลี่ยนสีด้วยนะครับ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องรอชมกันให้ได้เลยนะครับ ผ่านเจ้าสิงโตตัวนี้ไปก็จะมุ่งสู้ภารกิจสุดท้ายประจำวันนี้แล้วครับ นั่นก็คือ Wing of Time
Wing of Time จะมีการจัดแสดงที่ส่วนชายหาดของเกาะซานโตซ่า โดยจะมีรอบการแสดงหลายรอบ เพื่อนๆ สามารถเลือกเวลาที่ตัวเองต้องการได้ครับ แต่อย่าลืมคำนวณเวลารถไฟหมดด้วยนะครับ พลาดไปต้องขึ้น Taxi แย่เลยครับ
หลังจากนั่งชมการแสดงแสง สี เสียงของ Wing of Time จนจบก็ได้เวลากลับที่พักครับ นอนเอาแรงสำหรับพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นวันแห่งการเดิน เดินจนปวดขากันเลยครับ
###### DAY 3 ######
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เข้าสู่วันที่สามของการผจญภัยในต่างแดนของเรา เป้าหมายของวันนี้คือ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง , Singapore Flyer , Merlion Park ,Marina Bay Sand ,Garden of the Bay , Supertree Garden แค่สถานที่ยังมากมายขนาดนี้ไม่ต้องพูดเลยว่าต้องเดินขนาดไหนครับ เริ่มต้นวันเราไปยังห้าง Sentec City Mall เพื่อเที่ยมชมน้ำพุแห่งความมั่งคั่งครับ
หลังจากเดินวนและขอพรเรียบร้อยก็มุ่งหน้าต่อไปยัง Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ไม่เป็นสองรองใคร แต่ผมไม่ได้ขึ้นนะครับ สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการจะขึ้นสามารถซื้อตั๋วเค้าเตอร์ได้เลยครับ
ใกล้กับบริเวณนั้นมีจุดบริการเรือโดยสาร Singapore River Cruise ล่องน้ำชมบรรยากาศด้วยครับ
จากรูปด้านบนเพื่อนๆจะเห็น ตึกทรงรูปเรือ ซึ่งนั่นก็คือ Marina Bay Sand เป้าหมายต่อไปของเราหลังจากไป ดูเจ้าสิงโตพ่นน้ำที่ Merlion Park ครับ แต่ด้วยความโชคดีของผม ทราบตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้วครับว่าเจ้าสิงโตพ่นน้ำปิดปรับปรุงแต่หวังเล็กๆว่าจะเปิดก่อนกำหนด แต่ฝันสบายครับ สรุปปิด เลยเดินเข้าไปยัง Marina Bay Sand หาข้าวกลางวันกินดีกว่าครับ
หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่ภารกิจของวันนี้ยังไม่จบครับ มุ่งหน้ากันต่อเลยไปยังสถานีต่อไป Garden of the Bay และ Super tree Garden เดินออกจาก Marina Bay Sand สักพักก็จะเห็นโดมใหญ่ซึ่งก็คือเป้าหมายของเราครับ
มาถึงก็ยังเหลือเวลาอีกเยอะเลยครับกว่าจะมีการแสดงระบำต้นไม้ ก็เดินเที่ยวชมภายในโดมต้นไม้ และดอกไม้กันก่อนครับ โดยจะมีการแบ่งออกเป็นสองโดมครับ คือสวน Flower Dome และ สวนลอยฟ้า (Cloud Forest)
เดินครบทั้งสองสวนก็ใกล้มืดพอดี ได้เวลาเตรียมตัวชมระบำดอกไม้ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่จะพลาดไปไม่ได้ ไม่ได้ชมนี่ถึงกับถูกเรียกว่า “มาไม่ถึง” จะสวยงามตระการตาขนาดไหนไปชมภาพกันเลยครับ
ชมความตระการตากันจนสมใจไปเลยครับ หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินอำลากันเสียที หมดพลังไปเยอะมากสำหรับวันนี้ รองเท้าสำคัญมากนะครับ เพราะส่วนใหญ่เราจะเดินกันตลอดทริปของวันนี้เลยครับ โบกมือบ๊ายบายไปกับภาพนี้ครับ
###### DAY 4 #######
วันสุดท้ายสำหรับการผจญภัยในต่างแดนของเราครับ ทั้งวันนี้ผมหมดไปกับการไปกับการเก็บของ และมุ่งหน้าไปยังห้าง Mustafa แหล่งรวมสรรพสิ่ง แนะนำว่าหากเพื่อนๆคนไหนมีเวลาแวะไปเลยครับ ไม่เสียเที่ยวแน่นอน ขอบคุณสำหรับการติดตาม ไว้ทริปหน้าเจอกันใหม่ครับ ลาไปด้วยบรรยากาศย่านที่พักตลอดทริปนี้ครับ ^_______________^
Comments